หากพูดถึงผ้าที่เป็นที่นิยมที่สุดในตลาดผ้า 'SEMI' คงเป็นชนิดผ้าที่หาได้แทบทุกร้านผ้าทั่วไปได้ แต่ในทางกลับกันผ้าเกรด'CARD'แทบจะไม่มีคนพูดถึงในตลาด หรือไม่ก็โดนเหมารวมเป็นเกรด 'OE' ไปซะหมด โดยสาเหตุหลักๆที่ทำให้ผู้คนรู้จักผ้าเกรดนี้น้อยนั้น เป็นเพราะจำนวนผู้ผลิตที่มีน้อยรายในตลาด บวกกับความเข้าใจที่ว่าเกรดผ้าCotton100%จะมีแค่ 3 เกรดนั้นคือ 1.OE 2.SEMI และ 3.COMB
ทำให้ผ้าเกรด'CARD' ซึ่งมีภาษีดีไม่น้อยไปกว่าผ้าเกรด 'SEMI' กำลังเลือนหายไปจากตลาด
สิ่งแรกและสำคัญที่สุดในการพูดถึงเกรดต่างๆในผ้า คือสิ่งที่เป็นเกณท์ในการวัดเกรดของตัวผ้า หลักๆแล้วเกรดผ้าจะใช้เทคนิคในการปั่นเส้นด้ายเป็นตัวชี้วัดเกรดผ้า ซึ่งการปั่นเส้นด้ายมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
1.1 การปั่น ลักษณะแบบ Open End เป็น การปั่นที่ที่จะใช้ ลดกระบวนการปั่นในบางขั้นตอนออกทำให้เส้นด้ายที่ผลิตมามีผลผลิตมาก ยิ่งขึ้น แต่ว่าคุณภาพของเนื้อเส้นด้ายก็จะไม่สูงนัก ผ้าที่ออกมาจะมีความกระด้างกว่าเส้นด้ายแบบอื่น
1.2 การปั่นแบบ Ring จะมีกระบวนการผลิตที่ครบถ้วนกว่า OE ทำให้ได้เส้นด้ายที่มีคุณภาพสูงกว่า แต่ในการปั่นแบบ Ring ก็จะมีแยกคุณภาพออกมาหลายอย่าง โดยขึ้นอยู่กับการปรับความสูญเสียในการผลิตว่าจะให้มีมากน้อยแค่ไหน เช่น
เส้นด้าย CARD ก็เป็นการปั่น Ring แบบหนึ่งแต่ว่าจะมีการเอาของเสียออกจากกระบวนการผลิตน้อยทำให้เส้นด้ายมี คุณภาพที่ต่ำ มีความกระด้างสูง
เส้นด้าย SEMI-COMBED ก็เป็นการปั่น ring แบบหนึ่งแต่ว่าจะมีการสางของเสียออกจากฝ้ายในระดับหนึ่ง คุณภาพที่ได้ก็จะอยู่ระดับกลาง ร้านผ้าส่วนใหญ่ในวัดสนนิยมจะใช้เส้นด้ายชนิดนี้
เส้นด้าย COMBED เป็นการปั่นแบบ ring แต่ว่ามีการใช้หวี มาสางเอาของเสียออกจากตัวเนื้อฝ้าย และเนื้อเส้นด้ายมากกว่าปกติ ทำให้เส้นด้ายที่ออกมามีคุณภาพสูง และมีความเนียนที่สูงกว่า เส้นด้ายอื่นๆ
ราคา
COMBED>SEMI-COMBED>CARD>OE
คุณภาพ
COMBED>SEMI-COMBED>CARD>OE
*เกรด CARD จะอยู่กำกึ่งระหว่างSEMI และ OE
ในกรณีของเกรด CARD จะสามารถใช้ทดแทนได้ทั้งSEMI และ OE ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งาน โดยถ้าต้องการลดต้นทุนสินค้าให้ต่ำเพื่อเพิ่มกำไรสำหรับคนขาย ส่วนสำหรับผู้เล่นในตลาดที่ใช้OEเป็นหลักก็สามารถใช้ได้เนื่องจากมีราคาที่ใกล้เคียงกันแต่คุณภาพดีกว่า ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าเกินราคา
Comments